“AI” เป็น Keyword สำคัญที่สมัยนี้ไม่ว่าคุณจะคลุกคลีอยู่กับวงการเทคโนโลยีหรือไม่ ก็จะได้ยินผ่านหูผ่านตามาเสมอ ๆ ไม่ว่าจะรถยนต์อัจฉริยะใช้ AI ขับให้ ผู้ช่วย AI ศิลปิน AI วาดภาพเองได้ หรือจะเป็น Tiktok ที่ทำให้คนติดกันงอมแงมก็ใช้ AI !!
หันไปซ้ายก็ AI หันไปขวาก็ AI แต่จริง ๆ แล้ว คุณรู้หรือไม่ว่าถึงเราจะเรียกว่า AI เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว สำหรับในวงการเทคโนโลยี จะมีอีก Keyword หนึ่งก็คือ “Generative AI” ซึ่ง AI ที่กำลังดัง ๆ อยู่ในช่วงนี้อย่างที่เราฮิตเปลี่ยนรูปภาพเป็นอนิเมะกัน ก็อยู่ในประเภทนี้เช่นกันค่ะ
อย่างงี้คุณก็อาจจะสงสัยต่อแล้วว่า แล้ว AI กับ Generative AI มันต่างกันอย่างไงล่ะ? ทำไมไม่ใช้ AI รวมกันไปเลย? เราจะมาอธิบายใหัค่ะ
AI แบบดั้งเดิม จะเน้นไปที่การทำงานเฉพาะจุด โดยระบบจะออกแบบมาเพื่อตอบสนองชุดข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งจะทำให้ AI เหล่านี้จะมีความสามารถในการเรียนรู้จากข้อมูลที่เราใส่ไปให้ และทำการตัดสินใจหรือคาดเดาเหตุการณ์ตามชุดข้อมูลนั้น ๆ ตัวอย่าง AI แบบดั้งเดิม เช่น
ซึ่งก็คือ AI แบบดั้งเดิม จะเน้นที่การทำงานได้ดีแบบเฉพาะด้าน แต่ไม่ได้คิดค้นหรือสร้างอะไรใหม่
ในขณะที่ Generative AI ถูกนับเป็น Next Generation ของ AI ความพิเศษของ Generative AI คือสามารถสร้างหรือคิดค้นสิ่งใหม่ขึ้นมาจากข้อมูลที่มีอยู่ได้ ตัวอย่างเช่น
ทดลองเล่น Generative AI ภาษาไทย ได้ที่ Float16.cloud
ซึ่งความสามารถ ณ ตอนนี้ ก็พอที่จะช่วยเหลือ Task ต่าง ๆ ที่กล่าวไปข้างต้น แต่อาจต้องผ่านฝีมือมนุษย์อีกขั้นนึง เพื่อช่วยขัดเกลาและปรับแต่งให้สมูธมากยิ่งขึ้น ยังไม่ถึงขั้นที่จะใช้ Generative AI ได้อย่างเดียวค่ะ
สรุปความแตกต่างอยู่ที่ความสามารถและการใช้งานโดย AI แบบดั้งเดิมใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์เป็นหลัก เก่งในการจดจำรูปแบบและวิเคราะห์ข้อมูลจากข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ในขณะที่ Generative AI จะเก่งในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมาจากข้อมูลที่มีอยู่และข้อมูลที่ผู้ใช้งานมอบให้นั่นเอง
อ้างอิงข้อมูลจาก :